ออกจากงานมาเป็นฟรีแลนซ์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

• เตรียมเงินฉุกเฉินให้พร้อม
  เนื่องจากลักษณะงานฟรีแลนซ์นั้นเป็นงานที่รายได้ไม่แน่นอน บางเดือนมีงานบางเดือนอาจจะไม่มีงานเลยก็เป็นไปได้ การที่มีเงินฉุกเฉินประมาณ 3-6 เดือนของรายจ่ายจะทำให้เราสบายใจได้ในระดับนึงว่าออกจากงานมาเราสามารถมีเวลาตั้งหลักประมาณ 6 เดือนโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายประจำมากนัก
  .
• ขึ้นทะเบียนว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐเพื่อขอเงินชดเชยการออกจากงานจากประกันสังคม
  ประกันสังคมที่เราจ่ายในช่วงทำงานประจำอยู่มีส่วนหนึ่งที่ให้สิทธิชดเชยเรา ทั้งนี้เมื่ออกจากงานควรรีบแจ้งประกันสังคมภายใน 30 วันโดยถ้าเราจะได้สิทธิเงินชดเชย 3 เดือนโดยได้รับเงิน 30% ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ โดยค่าจ้างต้องเป็นอัตราค่าจ้างจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ถ้าเราไปแจ้งช้าเกินกว่า 30 วันที่ทางประกันสังคมกำหนดเราจะได้รับเงินในส่วนของวันที่เหลืออยู่ในระยะเวลา 3 เดือนเท่านั้นโดยไม่มีการจ่ายย้อนหลัง
  .
• แจ้งฝ่ายบุคคลของบริษัทเดิมเพื่อจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  ถ้าบริษัทไหนมีการการจัดสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ให้พนักงาน การลาออกโดยตัดสินใจขายคืนหน่วยลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะทำให้มีภาระภาษีของปีที่ขายออกมาด้วย ดังนั้นการตัดสินเรื่องการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็เป็นหนึ่งข้อที่ควรจัดการก่อนออกจากงาน โดยในปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย อาทิเช่น การขายคืน PVD, การคงเงินในกองทุน PVD เดิม, การโอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ไปกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF).

• ตัดสินใจเรื่องสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
  เราสามารถแบ่งกลุ่มของพนักงานประจำออกได้เป็นสามประเภทคือ
  • กลุ่มที่ใช้ประกันกลุ่มของบริษัทถึงแม้มีสวัสดิการประกันสังคม กลุ่มนี้มักไม่คุ้นชินกับการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานแห่งรัฐมากนักเพราะสวัสดิการประกันกลุ่มมักจะให้ความสะดวกสบายมากกว่า ทำให้เมื่อตัดสินใจออกจากงานมาแล้วนั้นทำให้ต้องคิดว่าสวัสดิการถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันแล้วนั้นเราต้องการความคุ้มครองแค่ไหน และความสะดวกสบายเป็นอย่างไร โดยกลุ่มนี้มีสองทางเลือกคือ สมัครประกันของตนเองผ่านบริษัทประกันหรือใช้สิทธิประกันสังคมมาตรา 39 (เป็นประกันสังคมที่ต่างจากประกันสังคมในระหว่างการทำงานประจำ คือมาตา 33)
  • กลุ่มที่ใช้สวัสดิการประกันสังคมอยู่แล้ว กลุ่มนี้สามารถคงสิทธิของตนเองได้โดยสมัครเข้าประกันสังคมมาตรา 39

.